แบบทดสอบ เรื่องระบบย่อยอาหาร

แบบทดสอบ เรื่องระบบย่อยอาหาร
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
คำชี้แจง :
1. แบบทดสอบเป็นข้อสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีจำนวนข้อสอบ 10 ข้อ
2. ให้นักเรียนพิจารณาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้วกากบาท X ทับตัวเลือกคำตอบ ก ข ค ง
_________________________________________________________________________
1. ต่อมน้ำลายในร่างกายมนุษย์ มีทั้งหมดกี่คู่
ก. 2 คู่ ข. 3 คู่ ค.3 คู่ ง.4 คู่

2. การย่อยที่ใดในร่างกาย ย่อยเฉพาะสารอาหารประเภทโปรตีนเท่านั้น
ก.ลำไส้เล็ก ข.ตับ ค.กระเพาะอาหาร ง.ลำไส้ใหญ่

3. บริเวณใดที่มีการย่อยและการดูดซึมมากที่สุด
ก.ลำไส้เล็ก ข.ตับ ค.กระเพาะอาหาร ง.ลำไส้ใหญ่

4. อวัยวะใดที่ไม่มีการย่อยเกิดขึ้น
ก.ลำไส้เล็ก ข.ลำไส้ใหญ่ ค.กระเพาะอาหาร ง.ถูกทุกข้อ

5. คาร์โบไฮเดรตเมื่อย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กที่จะเปลี่ยนเป็นอะไร
ก.ไขมัน ข.กลูโคส ค.กรดไขมัน ง.กลีเซอรอล

6. เอนไซม์เป็นสารประกอบประเภทใด
ก.ไขมัน ข.คาร์โบไฮเดรต ค.โปรตีน ง.วิตามิน

7. มอลเทส (maltase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลมอลโทสได้น้ำตาลอะไร
ก.น้ำตาลซูโครส ข.น้ำตาลแล็กโทส
ค.น้ำตาลกลูโคส ง.น้ำตาลฟรักโทสโทส

8. น้ำดีผลิตมาจากอวัยวะใด
ก.ตับ ข.ตับอ่อน ค.กระเพาะอาหาร ง.ลำไส้เล็ก

9. การย่อยที่ใดในร่างกาย ย่อยเฉพาะสารอาหารประเภทแป้งเท่านั้น
ก.กระเพาะอาหาร ข.ปาก
ค.ลำไส้เล็ก ง.ลำไส้ใหญ่

10.เอนไซม์ชนิดใดทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในนม
ก.มอลเทส ข.ซูเครส
ค.แล็กเทส ง.เรนนิน

เฉลยแบบทดสอบเนื่องระบบย่อยอาหาร

1.ข.
2.ค.
3.ก
4.ข
5.ข
6.ค.
7.ค.
8.ก
9.ข.
10.ง

วิธีในการย่อยอาหาร

เมื่อรับประทานอาหารอาหารจะเคลื่อนที่ผ่านอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหารเพื่อเกิดการย่อยตามลำดับดังต่อไปนี้
1. ปาก ( mouth) มีการย่อยเชิงกล โดยการบดเคี้ยวของฟัน และมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์อะไมเลสหรือไทยาลีน ซึ่งทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบสเล็กน้อย
แป้ง ==> น้ำตาลมอลโตส (maltose)

diges6

ต่อมน้ำลายมี 3 คู่ ได้แก่ ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น 1 คู่ ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกรล่าง 1 คู่ ต่อมน้ำลายใต้กกหู 1 คู่ ต่อมน้ำลายจะผลิตน้ำลายได้วันละ 1–1.5 ลิตร

2. คอหอย (pharynx) เป็นทางผ่านของอาหาร ซึ่งไม่มีการย่อยใดๆ ทั้งสิ้น
3.หลอดอาหาร(esophagus) มีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อเรียบมีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อ
ทางเดินอาห าร เป็นช่วงๆ เรียกว่า “ เพอริสตัสซิส (peristalsis)” เพื่อให้อาหารเคลื่อนที่ลงสู่กระเพาะอาหาร

pipe_diges2

.4 กระเพาะอาหาร(stomach) มีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและมีการย่อย
ทางเคมีโดยเอนไซม์เพปซิน (pepsin) ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นกรด โดยชั้นในสุดของกระเพาะจะมีต่อมสร้างน้ำย่อยซึ่งมีเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริก เป็นส่วนประกอบเอนไซม์เพปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ (peptide)ในกระเพาะอาหารนี้ยังมีเอนไซม์อยู่อีกชนิดหนึ่งชื่อว่า
“ เรนนิน ” ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในน้ำนม ในขณะที่ไม่มีอาหาร กระเพาะอาหารจะมีขนาด 50 ลูกบาศก์เซนติเมตรแต่เมื่อมีอาหารจะมีการขยายได้อีก 10 – 40 เท่า
โปรตีนจะใช้เอนไซม์เพปซินในการย่อยได้เป็นเพปไทด์ การย่อยที่กระเพาะอาหารจะมีการย่อยโปรตีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

diges4

diges5

5 ลำไส้เล็ก (small intestine) เป็นบริเวณที่มีการย่อยและการดูดซึมมากที่สุด โดยเอนไซม์ในลำไส้เล็กจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบส ซึ่งเอนไซม์ที่ลำไส้เล็กสร้างขึ้น ได้แก่
มอลเทส (maltase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลมอลโทสให้เป็นกลูโคส
ซูเครส (sucrase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลซูโครส (sucrose) ให้เป็นกลูโคสกับฟรักโทส (fructose)
แล็กเทส (lactase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยน้ำตาลแล็กโทส (lactose) ให้เป็นกลูโคสกับกาแล็กโทส (galactose)

การย่อยอาหารที่ลำไส้เล็กใช้เอนไซม์จากตับอ่อน (pancreas) มาช่วยย่อย เช่น

ทริปซิน (trypsin) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยโปรตีนโปรตีนหรือเพปไทด์ให้เป็นกรดอะมิโน
อะไมเลส (amylase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลมอลโทส
ไลเปส (lipase) เป็นเอนไซม์ที่ย่อยไขมันให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล
pip

diges2

น้ำดี (bile)
เป็นสารที่ผลิตมาจากตับ (liver) แล้วไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี (gall bladder) น้ำดีไม่ใช่เอนไซม์เพราะไม่ใช่สารประกอบ
ประเภทโปรตีน น้ำดีจะทำหน้าที่ย่อยโมเลกุลของโปรตีนให้เล็กลงแล้วน้ำย่อยจากตับอ่อนจะย่อยต่อทำให้ได้อนุภาค
ที่เล็กที่สุดที่สามารถแพร่เข้าสู่เซลล์

bile

อาหารเมื่อถูกย่อยเป็นโมเลกุลเล็กที่สุดแล้ว จะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก โดยโครงสร้างที่เรียกว่า “ วิลลัส ( villus)”
ซึ่งมีลักษณะคล้ายนิ้วมือยื่นออกมาจากผนังลำไส้เล็ก ทำหน้าที่เพิ่มเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึมอาหาร

6.ลำไส้ใหญ่ (large intestine ) ที่ลำไส้ใหญ่ไม่มีการย่อย แต่ทำหน้าที่เก็บกากอาหารและดูดซึมน้ำออกจาก
กากอาหาร ดังนั้น ถ้าไม่ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันจะทำให้เกิดอาการท้องผูก ถ้าเป็นบ่อยๆจะทำให้เกิด
โรคริดสีดวงทวาร
sysbody2

การย่อยอาหาร

การย่อยอาหาร หมายถึง การทำให้สารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กลายเป็นสารอาหารที่มีโมเลกุลเล็กลงจนกระทั่งแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ การย่อยอาหารในร่างกายมี 2 วิธี คือ
1. การย่อยเชิงกล คือการบดเคี้ยวอาหารโดยฟัน เป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดโมเลกุลทำให้สารอาหารมีขนาดเล็กลง
2. การย่อยเชิงเคมี คือการเปลี่ยนแปลงขนาดโมเลกุลของสารอาหารโดยใช้เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องทำให้โมเลกุลของสารอาหารเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้โมเลกุลที่มีขนาดเล็กลง

เอนไซม์(Enzyme)

เป็นสารประกอบประเภทโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่เร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย เอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยสารอาหารเรียกว่า
“ น้ำย่อย ”เอนไซม์มีสมบัติที่สำคัญ ดังนี้
• เป็นสารประเภทโปรตีนที่สร้างขึ้นจากเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
• ช่วยเร่งปฏิกิริยาในการย่อยอาหารให้เร็วขึ้นและเมื่อเร่งปฏิกิริยาแล้วยังคงมีสภาพเดิมสามารถใช้เร่งปฏิกิริยาโมเลกุลอื่นได้อีก
• มีความจำเพาะต่อสารที่เกิดปฏิกิริยาชนิดหนึ่งๆ
• เอนไซม์จะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม

ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ได้แก่
1. อุณหภูมิ เอนไซม์แต่ละชนิดทำงานได้ดีที่อุณหภูมิต่างกัน แต่เอนไซม์ในร่างกายทำงานได้ดีที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส
2. ความเป็นกรด – เบส เอนไซม์บางชนิดทำงานได้ดีเมื่อมีสภาพที่เป็นกรด เช่น เอนไซม์เพปซินในกระเพาะอาหาร เอนไซม์บางอย่างทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบส เช่น เอนไซม์ในลำไส้เล็ก เป็นต้น
3. ความเข้ม เอนไซม์ที่มีความเข้มข้นมากจะทำงานได้ดีกว่าเอนไซม์ที่มีความเข้มข้นน้อย
การทำงานของเอนไซม์ จำแนกได้ดังนี้
1. เอนไซม์ในน้ำลาย ทำงานได้ดีในสภาวะเป็นเบสเล็กน้อยเป็นกลางหรือกรดเล็กน้อยจะขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำตาลและที่อุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 37 องศาเซลเซียส
2. เอนไซม์ในกระเพาะอาหาร ทำงานได้ดีในสภาวะเป็นกรดและที่อุณหภูมิปกติของร่างกาย
3. เอนไซม์ในลำไส้เล็ก ทำงานได้ดีในสภาวะเป็นเบสและอุณหภูมิปกติร่างกาย
สารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่จะถูกย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด ดังนี้
คาร์โบไฮเดรต ย่อยแล้วจะกลายเป็นกลูโคส
โปรตีนย่อยแล้วจะกลายเป็นกรดอะมิโน
ไขมันย่อยแล้วจะกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล

ระบบย่อยอาหาร

อาหารประเภทต่างๆที่เราบริโภคโดยเฉพาะสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย คือคาร์โบไฮเดรตโปรตีน และไขมันล้วนแต่มีโมเลกุลขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะลำเลียงเข้าสู่เซลล์ส่วนต่างๆของร่างกายได้ ยกเว้นวิตามิน และเกลือแร่ซึ่งมีอนุภาคขนาดเล็กจึงจำเป็นต้องมีอวัยวะและกลไกการทำงานต่างๆที่จะทำให้ โมเลกุลของสารอาหาร เหล่านั้นมีขนาดเล็กลงจนสามารถลำเลียงเข้าสู่เซลล์ได้ เรียกว่า “ การย่อย ”

อวัยวะในระบบย่อยอาหารของคน

รูปภาพ

diges1

อวัยวะที่มีส่วนในการย่อยของระบบย่อยอาหาร

1. ตับ มีหน้ามี่สร้างน้ำดีส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี
2. ตับอ่อน มีหน้าที่สร้างเอนไซม์ส่งไปย่อยอาหารที่ลำไส้เล็ก
3. ลำไส้เล็ก สร้างเอนไซม์มอลเทส ซูเครส และแล็คเทสย่อยอาหารที่ลำไส้เล็ก

อวัยวะที่เป็นทางเดินอาหารทำหน้าที่ในการรับและส่งอาหาร

รูปภาพ

อวัยวะที่เป็นทางเดินอาหารทำหน้าที่ในการรับและส่งอาหารโดยเริ่มจาก
ปาก ==> คอหอย ==> หลอดอาหาร ==> กระเพาะ ==> ลำไส้เล็ก ==> ลำไส้ใหญ่ ==> ทวารหนัก
การย่อยอาหารในร่างกาย